Drawer trigger

วะฮ์ฮาบี = ทหารไซออนิสต์

วะฮ์ฮาบี = ทหารไซออนิสต์ ทะเลแห่งความเมตตา มหาสมุทรแห่งความปรารถนาในการเสียสละและให้ความสำคัญแก่ผู้อื่นมากกว่าตัวเอง ความเอื้ออาทรและความรัก เป็นคุณลักษณะของมุสลิมที่แท้จริง ทั้งนี้เนื่องจากคำแนะนำสั่งสอนทั้งมวลของอิสลามนั้น เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ไปสู่ความมีมนุษยธรรม ความรักและความเมตตากรุณา ท่านศาสดาผู้มีความเมตตาและความเอื้ออาทรต่อเรา ไม่ยินยอมแม้แม้แต่การที่มุสลิมคนหนึ่งจะล่วงละเมิดในทรัพย์สินที่เล็กน้อยที่สุดและมีค่าน้อยที่สุดของมุสลิมคนอื่น ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง ในฐานะที่ท่านเป็นครูที่มีความเอื้ออาทรและความเมตตา ท่านจึงได้กล่าวว่า

لايَحِلُّ لِامرِيٍ أن يَأخُذَ عَصا أخيهِ بِغَيرِ طِيبِ نَفسِهِ، و ذلِكَ لِشِدَّةِ ما حَرَّمَ اللهِ مِن مالِ الْمُسلِمِ عَلي الْمُسلِمِ 

 “ไม่อนุมัติสำหรับคนใดที่เขาจะเอา (แม้เพียง) ไม้เท้าของพี่น้อง (ผู้ศรัทธา) ของเขา โดยปราศจากการยินยอมจากเขา และนั่นเนื่องมาจากความรุนแรงในสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงบัญญัติห้ามบรรดามุสลิมจากทรัพย์สินของมุสลิมด้วยกัน” (1) โอ้ชาววะฮ์ฮาบีเอ๋ย! โอ้ผู้ที่คิดว่าตนเองเป็นมุสลิมและคิดว่าแนวทางของตนเป็นสัจธรรม และเชื่อว่าตนเองนั้นเป็นมุสลิมที่แท้จริง ศาสนาที่จะได้รับการยอมรับจากพระผู้เป็นเจ้านั้นจะต้องแลกด้วยกับการเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นกระนั้นหรือ? โอ้ผู้ที่กล่าวอ้างตนว่าจะปฏิบัติตามทุกสิ่งที่ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ พวกท่านไม่เคยได้ยินเลยหรือที่ว่า ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะไม่พึงพอใจแม้แต่เพียงแค่การทำร้ายจิตใจของพี่น้องมุสลิมคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เองท่านจึงได้กล่าวว่า

 لَا يُوذِيَنَّ مُسلِماً

 “(มุสลิมนั้น) จะต้องไม่ทำร้ายมุสลิม” (2) หนึ่งในความโปรดปราน (เนี๊ยะอ์มัต) ซึ่งด้วยความจำเริญของอิสลามที่ได้ถูกนำเสนอแก่ชาวโลก นั่นคือ ความเป็นพี่น้องกันและความรัก ที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) เองได้แนะนำไว้หลายต่อหลายครั้งว่ามุสลิมนั้นเป็นพี่น้องกัน ตลอดเวลาท่านจะแนะนำสั่งเสียมุสลิมทั้งหลายให้มีจิตวิญญาณของความเป็นพี่น้องกัน เกี่ยวกับกรณีนี้ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้แนะนำสั่งเสียต่อมวลมุสลิมว่า

 اَلْمُسلِمُ أخُو الْمُسلِمِ؛ لايَظلِمُهُ ولايَخذُلُهُ ولايَخُونُهُ، و يَحِقُّ عَلَي الْمسلِمينَ الْإجتِهادُ في التَّواصُلِ، وَالتَّعاوُنُ عَلَيالتَّعاطُفِ و

“มุสลิมคือพี่น้องของมุสลิม เขาจะไม่อธรรม จะไม่ทอดทิ้งและจะไม่บิดพลิ้วต่อเขา และสมควรยิ่งที่มุสลิมจะพยายามในการผูกสัมพันธ์ต่อกัน แสดงความเมตตาต่อกันและช่วยเหลือกัน...” (3) โอ้ชาววะฮ์ฮาบีเอ๋ย! ทุกลมหายใจเข้าออกของพวกท่านได้กล่าวอ้างเรื่องของมนุษยธรรม เป็นความถูกต้องแล้วหรือที่พวกท่านได้เข่นฆ่าสังหารบรรดามุสลิมเพียงเพราะพวกเขามีความเชื่อและความรักต่อครอบครัว (อะฮ์ลุลบัยติ์) ของท่านศานทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) พวกท่านได้ลากศพของพวกเขาถูไถไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ! ที่ใดของคำสอนของอิสลามหรือที่แนะนำสั่งสอนให้กระทำเช่นนี้?! พวกท่านไม่เคยได้ยินหรือที่ว่า แม้แต่กับผู้ตั้งภาคี (มุชริกีน) และผู้ปฏิเสธ (กุฟฟาร) ที่ไม่ยอมรับในเอกานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า ก็จะต้องไม่กระทำเช่นนี้กับพวกเขา และจะต้องไม่แสดงการอุกอาจเช่นนี้ต่อศพของพวกเขา? โอ้ชาววะฮ์ฮาบีเอ๋ย! พวกท่านไม่รู้หรือว่าเลือดของมุสลิมเพียงคนเดียวนั้นเทียบเท่ากับคนทั้งโลก? พวกท่านไม่รู้หรือว่าหากมุสลิมถูกสังหาร ก็เหมือนกับว่าคนทั้งโลกถูกสังหาร? หรือว่าพวกท่านไม่เคยอ่านคำรายงาน (ริวายะฮ์) บทนี้ ของท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ที่ท่านกล่าวว่า

لَزَوالُ الدنيا أهوَنُ عِنْدَالله مِن قَتلِ رجُلٍ مُسلمٍ

 “(พึงรู้เถิดว่า) การสิ้นสลายของโลกนี้ ในทัศนะของอัลลอฮ์นั้น ย่อมง่ายดายเสียยิ่งกว่าการฆ่ามุสลิมคนหนึ่ง” (4) โอ้ชาววะฮ์ฮาบีเอ๋ย! พวกท่านรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของอิสลามหรือไม่? พวกท่านรู้หรือไม่ว่าอิสลามนั้นหมายถึงความรักและความเมตตาที่มีให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ดังที่ท่านศาสทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า

 اَلْإِسْلَامُ أَنْ تُسْلِمَ قَلْبَكَ وَيَسْلَمَ الْمُسْلِمُونَ مِنْ لِسانِكَ وَيَدِك

 “อิสลาม คือการที่ท่านจะยอมมอบหัวใจของท่าน (ต่ออัลลอฮ์) และมุสลิมจะปลอดภัยจากลิ้นของท่านและมือของท่าน” (5) คำพูดที่จะขอกล่าวกับพี่น้องมุสลิมและมัซฮับ (นิกาย) ต่างๆ ของอิสลาม : ขณะนี้ชาววะฮ์ฮาบีกำลังประสานมือกับลัทธิไซออนิสต์ และกำลังเอาจริงเอาจังกับการเข่นฆ่าสังหารชาวชีอะฮ์ ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่า ชีอะฮ์ก็เป็นมุสลิมเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นผู้ปฏิบัติตามท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) และรักลูกหลานของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ความผิดเพียงอย่างเดียวที่ทำให้พวกเขาถูกเข่นฆ่าสังหารนั่นก็คือ พวกเขามีความรักต่อลูกหลานของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ท่านทั้งหลายพึงทราบเถิดว่าท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จะไม่พึงพอใจต่อการถูกสังหารของมุสลิมคนใด หากท่านทั้งหลายพิจารณาถึงเรื่องราวต่อไปนี้สักเพียงเล็กน้อยพวกท่านจะพบว่า การสังหารของมุสลิมนั้นสร้างความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานแก่ท่านศาสดาเพียงใด เรื่องราวมีดังนี้คือ : มีรายงานว่า บุคคลหนึ่งได้มาพบท่านศาสดาและกล่าวกับท่านว่า “ได้พบศพๆ หนึ่งในเขตพื้นที่ ญะฮ์นียะฮ์” ท่านศาสดาลุกขึ้นทันที่ทันใด และไปยังมัสยิดในเขตพื้นที่ดังกล่าว ประชาชนเมื่อทราบท่านศาสดามา จึงได้แจ้งข่าวกันปากต่อปาก เมื่อทุกคนทราบต่างก็มารวมตัวกันในมัสยิด ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้กล่าวกับพวกเขาว่า “ใครฆ่าบุคคลนี้” พวกเขากล่าวว่า “โอ้ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์! พวกเราไม่ทราบ” ท่านศาสดากล่าวด้วยท่วงทีของการตำหนิประณามว่า “เป็นไปได้หรือที่บุคคลหนึ่งถูกฆ่าท่ามกลางชาวมุสลิม แต่พวกเขาไม่รู้ตัวผู้ที่ฆ่าเขา! ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงแต่งตั้งฉันมาเป็นศาสดาด้วยสัจธรรม มาตรว่าชาวฟ้าและชาวดินมีส่วนร่วมในเลือด (การฆ่า) มุสลิมคนหนึ่ง และพึงพอใจต่อสิ่งดังกล่าวแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำให้พวกเขาทั้งหมดคว่ำคะมำลงสู่ไฟนรก” (6) แหล่งที่มา : (1) กันซุ้ลอุมมาล ฮะดีษที่ 30344 (2) มุสนัด อัชชามียีน เล่มที่ 1 หน้าที่ 302 ; ในหนังสือ “นะฮ์ญุ้ลฟะซอหะฮ์” ท่านศาสนทูตกล่าวว่า وَلا يُوذِيَنَّ مُسْلِمٌ مُسْلِمَاً “และมุสลิมนั้น จะต้องไม่ทำร้ายมุสลิมด้วยกัน” (3) วะซาอิลุชชีอะฮ์ เล่มที่ 12 หน้าที่ 203 (4) อัตตัรฆีบ วัตตัรฮีบ เล่มที่ 3 หน้าที่ 293 ฮะดีษที่ 7 (5) กันซุ้ลอุมมาล ฮะดีษที่ 17 (6) มันลายะฮ์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 70 ฮะดีษที่ 30 http://www.jonbeshnet.ir/news/14931