ความมหัศจรรย์ของอัล-กุรอาน
ความมหัศจรรย์ของอัล-กุรอาน
0 Vote
63 View
อัล-กุรอานเป็นพระคัมภีร์มหัศจรรย์แก่โลก ซึ่งทนต่อการพิสูจน์ ได้ท้าทายมนุษย์ และอมนุษย์ให้เรียบเรียงให้เหมือน แม้แต่โองการเดียว ก็มิมีผู้ใดสามารถทำได้ อัล-กุรอานจึงถูกปลอมแปลงไม่ได้ เพราะด้วยเหตุนี้ อัล-กุรอานจึงไม่ใช่เป็นวรรณคดี ที่ผู้ใดจะปรุงแต่งขึ้นเป็นวรรณกรรมของโลกได้ ภาษาของอัล-กุรอานเป็นภาษาที่มีชีวิต ชาวอรับแต่ก่อนอ่านอัล - กุรอานเข้าใจอย่างไร ชั่ว 1,400 กว่าปีที่ผ่านมานี้ ภาษาของอัล-กุรอาน มิได้กลายเป็นวัตถุโบราณ ยังมีชีวิต ยังเป็นภาษา แม้พวกเร่ร่อนในทะเลทราย ก็ยังเข้าใจอยู่ ยังเป็นภาษาที่ถูกกระจายเสียงทั่วโลก ยังเป็นภาษาที่มีผู้สดับฟัง ด้วยความสงบ เป็นภาษาที่อ่านกันแพร่หลายที่สุดในโลก เป็นภาษาที่มุสลิมทั่วโลกทุกเวลาอ่านด้วยความเข้าใจเมื่อประกอบศาสนกิจ อัล-กุรอาน มิใช่ตำราโหราศาสตร์หรือพระคัมภีร์สำหรับท่องสวดเท่านั้น แต่อัล-กุรอาน เป็นพระคัมภีร์อันจำรัสที่อุดมด้วยวิทยปัญญา มีพลังอยู่ในตัวที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจ และเกิดพลังทางความคิด และพร้อมที่จะปฏิบัติตามด้วย อัล-กุรอาน ได้ชี้หรือแนะเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ให้มนุษย์คิดค้นหลายประการ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ แขนงต่างๆ ดังบางตัวอย่างต่อไปนี้ เกี่ยวกับความพินาศของวัตถุนิยมและสงครามต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดู 18 : 103-106 103. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน?” 104. “คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิ้นไป ในการมีชีวิตในโลกนี้ และพวกเขาคิดว่าแท้จริงพวกเขาปฏิบัติความดีแล้ว” 105. เขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และการพบปะกับพระองค์ ดังนั้นการงานของพวกเขาจึงไร้ผล และในวันกิยามะฮ์เราจะไม่ให้มันมีค่าแก่พวกเขาเลย 106. นั่นแหละการตอบแทนของพวกเขาคือนรกญะฮันนัม เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธา และพวกเขายึดเอาโองการทั้งหลายของข้า และบรรดาร่อซูลของข้า เป็นที่ล้อเล่น เกี่ยวกับฟิรฺอฺาวน์ (ฟาโร) ที่ยกไพร่พลข้ามทะเลแดง เพื่อตามจับท่านนบีมูสา (โมเซ) อฺะลัยฮิสลาม และวงศ์วานอิสรออีล จนถูกจมน้ำตาย อัล-กุรอาน 10 : 92 ได้กล่าวถึงการรักษาศพของฟิรฺอฺาวน์ ซึ่งต่อมาเรียกว่า มัมมี่ ให้ชนรุ่นหลังเป็นพยาน ซึ่งเวลานั้นท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลฯ และใครๆ มิรู้เรื่องนี้ก่อนเลย เพราะเรื่องของมัมมี่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อร้อยกว่าปีนี้เอง กล่าวถึงการเชื่อมทะเลและมหาสมุทร ด้วยการขุดคลองผ่าน เช่น คลองปานามา คลองสุเอซ ใน 55 : 19 พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง (ทะเลและแม่น้ำ) ไหลมาบรรจบกัน مَرَجَ الْبَحْرَيْنِ يَلْتَقِيَانِ (19) ใน 55 : 33 และ 72 : 8 กล่าวถึงความพยามของมนุษย์ที่จะเดินทางในอวกาศ ซึ่งเป็นเรื่องอยู่ในวิสัย เพราะอัลลอฮฺได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย ตะวัน เดือน ดาว ฯลฯ ให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ (13 : 2, 14 : 32-33, 16 : 12-14 ฯลฯ) อัล-กุรอาน 21 : 30 และ 24 : 45 กล่าวถึงน้ำ เป็นมูลกำเนิดของปฐมชีวิตขั้นต่ำ เรื่องของโปรโตะพแลสม์ (Protoplasm) เป็นตัวอย่างอันดี อัล-กุรอาน กล่าวถึงปรมาณู และการสลายตัวของมันใน 10 : 61, 34 : 3 เมื่อกล่าวว่า น้ำหนักนิดหนึ่ง นั้น หมายถึงเล็กที่สุดได้แก่ปรมาณู และเมื่อกล่าวต่อว่า ที่นิดไปกว่านั้น หมายถึง การแตกสลายของปรมาณูเป็นนิวตรอน โปรต็อน และ อีเล็คตรอน เป็นต้น อัล-กุรอาน ได้กล่าวเชิงแนะไว้ ซึ่งแต่เดิมถือว่า อะตอม - ปรมาณู นั้น เล็กที่สุดแล้ว จะแบ่งแยกอีกไม่ได้ ใน 18 : 90 กล่าวถึงมนุษย์สมัยหิน ที่ยังไม่มีความเจริญ เป็นการแนะแนวประวัติศาสตร์แต่โบราณ อัล-กุรอาน กล่าวถึงเพศคู่ของสรรพสิ่ง 36 : 36 "มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ ผู้ทรงสร้างคู่ของสรรพสิ่ง จากที่แผ่นดินได้ให้งอกเงยขึ้นมา และจากตัวพวกเขา และจากสิ่ง (อื่นๆ) ที่พวกเขาไม่รู้" แสดงว่าเพศคู่นั้นมีในสัตว์ พืช ต่างหากจากในมนุษย์และสิ่งอื่นๆ อีก ที่มนุษย์ค้นพบและที่ยังค้นไม่พบ เช่น กลางวันและกลางคืน ความสว่างและความมืด ขั้วบวกและขั้วลบของไฟฟ้า ขั้วเหนือและขั้วใต้ของแม่เหล็ก โปรต็อน และ อีเล็กตรอน ซึ่งมีอนุภาคเท่ากันในหน่วยปรมาณู คู่ของพลังที่มีอยู่ในสาร 51 : 49 "และทุกๆ สิ่งนั้น เราได้สร้างให้มีคู่ เพื่อสูเจ้าจะได้ใคร่ครวญ (ในการบันดาลบริหารของอัลลอฮฺ) อัล-กุรอาน กล่าวไว้ความว่า แต่ก่อนในเวหานั้น มีหมอกควันอยู่ คือ เป็นแก๊ส เรียกว่า ดุคอนุน (49 : 12) ชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้น แต่ก่อนเป็นอันเดียวกัน แล้วได้ถูกแยกออก (21:30) พระองค์ทรงสร้างพิภพหลังจากได้ทรงสร้างเวหา (79:30) ให้โลกมีจุดศูนย์ถ่วงที่เรียกว่า เกรวิตี้ - Gravity (77:25) ได้กล่าวไว้ความว่า ดวงเดือนไม่มีแสงในตัวของมัน และได้แสงจากตะวัน (91:1-2) อัล-กุรอาน 24:45 กล่าวถึงอาณาจักรแห่งสัตวโลกว่ามีทั้งที่คลาน ซึ่งเป็นขั้นต่ำที่สุด ทั้งที่ยืนบนสองขา เช่น สัตว์ปีก และทั้งที่เดินด้วยสี่เท้า แจกแจงระดับและประเภทของมัน ใน 55:35 กล่าวถึงแสงไฟอันโชติช่วงที่จะถูกส่งลงมาลงโทษมนุษย์ และมนุษย์จะไม่สามารถป้องกันตนเองได้ ทำให้นึกถึงแสงเพลิงของระเบิดปรมาณู เหนืออื่นใด อัล-กุรอาน กล่าวถึง เตาหี้ด - หลักเอกภาพของอัลลอฮฺ ว่าพระองค์ทรงเอกะ มิทรงแบ่งภาค มิทรงถือกำเนิดหรือทรงให้กำเนิด พระองค์ทรงเป็นอจินไตย เรารู้จักพระองค์จากลักษณะคุณที่ดีงามทั้งหลายของพระองค์ รวมเข้าอุปมาเป็นมวลหนึ่ง เรียกพระองค์ว่า อัลลอฮฺ นี่เป็นหลักสำคัญข้อหนึ่งของอัล-กุรอาน เพราะนำไปสู่หลักเอกภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ การเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในจักรภพของมุสลิมีน ในโอกาสเดียวกัน อัล-กุรอาน ได้ตำหนิและห้ามการชิริก คือ การตั้งผู้ใด สิ่งใด ให้เป็นภาคีเท่าเทียมอัลลอฮฺ เช่น การนับถือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าที่ โชคลาง รูปปั้น ฯลฯ เป็นการนำไปสู่การแตกแยก ดั่งที่พระเจ้าย่อยๆ ได้ย่อยความเป็นอันเดียวกันของมนุษย์ ให้แหลกเป็นจุลไปเช่นนั้น อัล-กุรอาน เป็นธรรมนูญของสังคมมุสลิม ได้หลอมประชาชาติต่างๆ ในหลายทวีป ให้เป็นประชากรเดียวกัน ใต้ร่มธงของปฏิญญาที่ว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมะดุรฺ รสูลุลลอฮฺ - ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ และ มุฮัมมัดเป็นรสูลของพระองค์ การศึกษาหาความรู้จากอัล-กุรอาน จึงเป็นหน้าที่ของทุก ๆ คน 47:24 "พวกเขามิได้พิจารณาอัล-กุรอานดอกหรือ? หรือว่าบนดวงใจทั้งหลาย (ของพวกเขานั้น) มีกุญแจของมัน (คือของความงมงายลั่นไว้) อยู่"