ทั่วไปเกี่ยวกับอัล-กุรอาน

ในหมวดนี้ต้องการนำเสนอศัพท์บางคำที่เป็นกุญแจไขไปสู่ความหมาย และข้อมูลที่เฉพาะสำหรับอัล-กุรอาน และประวัติโดยสรุปของคัมภีร์ 1. คำว่ากุรอาน นามดังกล่าวอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงตรัสไว้ในคัมภีร์ และสอนมนุษย์ให้รู้จักคัมภีร์แห่งฟากฟ้าโดยใช้คำว่า กุรอาน โดยกล่าวว่า (انه لقرآن كريم) แท้จริงนี่คือ กุรอานอันทรงเกียรติ (อัล-กุรอาน ซูเราะฮฺ อัล วากิอะฮฺ 77) อัล-กุรอาน ซูเราะฮฺ อัลนะฮฺลิ กล่าวว่า فَإِذَا قَرَأْتَ الْقُرْآنَ فَاسْتَعِذْ بِاللّهِ مِنَ الشَّيْطَانِ الرَّجِيمِ ดังนั้น เมื่อเจ้าอ่านอัล-กรุอาน ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง (อัล-กุรอาน ซูเราะฮฺ อัล-นะฮฺลิ 98) คำว่า กุรอาน ในหมู่นักวิชาการและนักวิจัยมีทัศนะความเห็นแตกต่างกัน กล่าวคือ 1. บางทัศนะกล่าวว่าคำว่า กุรอาน ไม่ได้ผันมาจากศัพท์คำใดทั้งสิ้น คำ ๆ นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม 2. บางทัศนะกล่าวว่าคำว่า กุรอาน ผันมาจากคำว่า เกาะระอะ หมายถึงการอ่าน กล่าวคือ กุรอาน คือคัมภีร์ที่ถูกอ่านแล้ว 3. บางทัศนะกล่าวว่าคำว่า กุรอาน มาจากรากศัพท์ของคำว่า เกาะระนะ หมายถึง การประชิดติด การแนบสนิท การติดกัน การแสดงสัมพันธภาพ เนื่องจากคำ โองการต่าง ๆ และซูเราะฮฺประชิดติดกันจึงเรียกว่า กุรอาน 4. บางทัศนะกล่าวว่าคำว่า กุรอาน ผันมาจากคำว่า เกาะรออิน ซึ่งเป็นพหูพจน์ของคำว่า กะรีนะฮฺ หมายถึงสัญลักษณ์ เนื่องจากโองการอัล-กุรอานเป็นสัญลักษณ์ที่สนับสนุนกันและกันจึงเรียกว่า กุรอาน ข้อควรพิจารณา แน่นอนว่ากุรอานกะรีม มีชื่อและคุณลักษณะอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ฟุรกอน หมายถึง การจำแนกความจริงและความเท็จ กิตาบ ซิกรฺ ตันซีล นูร ฮุดายฺ มะญีด และอื่น ๆ อีกมากมาย 2. อายะฮฺ คำว่า อายะฮฺ ในเชิงภาษามีหลายความหมายด้วยกัน เช่น สัญลักษณ์ เครื่องหมาย การรวบรวม สิ่งมหัศจรรย์ และความแปลกประหลาด ส่วน อายาตกุรอาน ได้ถูกจัดวางบนความหมายทุกความหมายที่มีความเหมาะสมในเชิงภาษา เช่น 1. ทุกอายะฮฺอัล-กุรอาน แสดงให้เห็นถึงการนำมาซึ่งความสัจจริง การไร้ความสามารถของผู้เป็นปรปักษ์ และการการจำแนกออกจากสิ่งตรงข้าม 2. ทุกอายะฮฺ ได้รวบรวมจากอักษร คำต่าง ๆ และประโยค 3. ทุกอายะฮฺ อาจเป็นไปได้ที่บ่งบอกถึงความมหัศจรรย์ ถ้าหากพิจารณาจากคำและมาตรฐานของอัล-กุรอาน อายะฮฺในทัศนะของนักปราชญ์หมายถึง บางส่วนจากอักษร หรือคำ หรือประโยค ซึ่งริวายะฮฺได้กำหนดขอบเขตที่แน่นอนของสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว การรู้จักโองการอัล-กุรอานถือเป็น เตาฟีกกียฺ หมายถึงท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว กล่าวคือ ขณะที่ท่านอ่านโองการท่านได้หยุดเพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจขอบเขตของโองการ อัล-กุรอานมีทั้งสิ้น 6236 โองการ ตามการกำหนดหมายเลยในปัจจุบัน ไม่รวม บิซมิลลาฮฺ ในซูเราะฮฺอื่น ๆ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นโองการแยกต่างหากจาก ซูเราะฮฺ ยกเว้น บิซมิลลาฮฺ ในซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺ ที่นับว่าเป็นโองการแยกต่างหาก สิ่งจำเป็นต้องกล่าวคือ การเรียบเรียงโองการต่าง ๆ และซูเราะฮฺเป็นคำสั่งของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ตามการชี้นำของท่านญิบรออีล นักวิชาการอุลูมกุรอาน (ศาสตร์เกี่ยวกับกุรอาน) กล่าวว่า ทุกครั้งที่อัล- กุรอานถูกประทานลงมา ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้เรียกผู้จดบันทึกมาและสั่งให้จดบันทึกโองการต่าง ๆ ไว้ในซูเราะฮฺที่แตกต่างกันอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่บิซมิล- ลาฮฺ ท่านก็ได้สั่งให้บันทึกไว้เหนือซูเราะฮฺต่าง ๆ ยกเว้นซูเราะฮฺบะรออะฮฺ 3. ซูเราะฮฺ คำว่า ซูเราะฮฺ ในเชิงภาษาแบ่งออกเป็นหลายความหมายด้วยกัน 1. บางทัศนะกล่าวว่า คำว่า ซูเราะฮฺ เป็นคำที่แปลงมาจากคำว่า ซูเราะฮฺ หมายถึงของที่กินเหลือ หรือน้ำที่เหลือค้างภาชนะจากการดื่ม และเนื่องจาก ซูเราะฮฺอัล-กุรอาน เป็นส่วนหนึ่งของอัล-กุรอาน จึงเรียกว่า ซูเราะฮฺ 2. บางทัศนะกล่าวว่า คำว่า ซูเราะฮฺ หมายถึงการห้อมล้อม การล้อมกรอบ หรือกำแพงเมือง และการที่เรียกซูเระาฮฺอัล-กุรอานว่า ซูเราะฮฺ เสมือนว่า ซูเราะฮฺได้ล้อมกรอบโองการต่าง ๆ ให้อยู่ในการควบคุมของตน ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า ซูเราะฮฺ 3. บางทัศนะกล่าวว่า คำว่า ซูเราะฮฺ มาจากคำว่า ซิวาร หมายถึง สายสร้อย หรือกำไล และการที่เรียกซูเราะฮฺอัล-กุรอานว่า ซูเราะฮฺ เนื่องจากว่า โองการต่าง ๆ ได้ถูกร้อยเข้าด้วยกันอย่างเป็นลูกโซ่ 4. บางทัศนะกล่าวว่า คำว่า ซูเราะฮฺ หมายถึง ตำแหน่ง หรือฐานันดรที่สูงส่ง และเนื่องจากว่าพระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้านั้นมีฐานะภาพอันสูงส่ง จึงเรียกว่า ซูเราะฮฺ 5. บางทัศนะกล่าวว่า คำว่า ซูเราะฮฺ มาจากคำว่า ตะเซาวุร หมายถึง การทำให้สูงขึ้น หรือการผสมผสาน เนื่องจากว่าซูเราะฮฺต่าง ๆ ได้เรียงซ้อนแลดูว่าสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า ซูเราะฮฺ ซูเราะฮฺในหความหมายของนักปราชญ์ นักปราชญ์ส่วนใหญ่ให้ทัศนะว่า ซูเราะฮฺ คือส่วนหนึ่งของโองการอัล-กุรอานที่มีการเริ่มต้นและมีการสิ้นสุด หรือบางส่วนของโองการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 บิซมิลลาฮฺ จำนวนซูเราะฮฺต่าง ๆ อัล-กุรอานทีทั้งสิ้น 114 ซูเราะฮฺ ซูเราะฮฺที่เล้กที่สุดคือ ซูเราะฮฺเกาซัร มีทั้งสิ้น 3 โองการ และซูเราะฮฺทีใหญ่ที่สุดคือ ซูเราะฮฺ อัล บะเกาะเราะฮฺ มีทั้งสิ้น 286 โองการ การเรียงซูเราะฮฺ การเรียงซูเราะฮฺอัล-กุรอานเริ่มต้นจากซูเราะฮฺฟาติฮะฮฺ และสิ้นสุดที่ซูเราะฮฺ อันนาซ แน่นอนการเรียบเรียงดังกล่าวขัดแย้งกับสาเหตุของการประทานอัล-กุรอาน ซึ่งเริ่มต้นจากซูเราะฮฺ อัล อะลัก และสิ้นสุดที่ซูเราะฮฺ อันนัซรฺ การเรียบเรียงซูเราะฮฺอัล-กุรอานเป็นเตาฟีกกียฺหรือไม่ หมายถึงท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็นผู้สั่งให้เรียบเรียง ประเด็นดังกล่าวนักวิชาการมีทัศนะแตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ทัศนะดังนี้ 1. กลุ่มที่หนึ่ง กล่าวว่าการเรียบเรียงอัล-กุรอานเป็นคำสั่งของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) โดยอ้างว่า ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็นผู้กำหนดโองการต่าง ๆ ว่าให้วางไว้ตรงที่ใด นอกเหนือจากนั้นแล้วอัล-กุรอาน ได้ถูกเรียบเรียงในสมัยของท่านศาสดา (ซ้อล ฯ) 2. กุล่มที่สอง ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการฝ่ายความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอัล-กุรอาน กล่าวว่า การเรียบเรียงซูเราะฮฺอัล-กุรอานในปัจจุบันมิใช่เตาฟีกียฺ แต่เป็นการวินิจฉัยซึ่งผู้ที่ทำหน้าที่นี้คือ เซาะฮาบะของท่านศาสดา และสิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้สิ้นชีพไปแล้ว 3. กลุ่มที่สาม เชื่อว่าการเรียบเรียงซูเราะฮฺส่วนใหญ่เป็นคำสั่งของท่านศาสดา (ซ้อล ฯ) ซึ่งบางส่วนเท่านั้นที่บรรดามุสลิมได้เรียบเรียงขึ้นภายหลังจากที่ท่านศาสดา (ซ้อล ฯ) ได้สิ้นชีพไปแล้ว การตั้งชื่อซูเราะฮฺ ซูเราะฮฺบางบทได้รับการตั้งชื่อในสมัยของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เช่น ซูเราะฮฺฮัม ริวายะฮฺบางบทกล่าวว่าซูเราะฮฺนี้ในสมัยของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ถูกเรียกว่า ฟาติฮะตุลกิตาบ (ปฐมบทแห่งคัมภีร์) นักวิชาการบางท่านกล่าวว่า ลักษณะชื่อเช่นนี้ได้ถูกกำหนดโดยวะฮฺยู แต่ทว่าซูเราะฮฺบางบทและโองการบางกลุ่มหลังจากท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ได้สิ้นชีพไปแล้ว ได้ถูกตั้งชื่อขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากเนื้อหาได้ครอบคลุมบางเรื่องที่เฉพาะเจาะจง จึงตั้งชื่อซูเราะฮฺด้วยนามที่มีชื่อเรียกตามนั้น ไม่ใช่เตาฟีกียฺและวะฮฺยูก็ไม่ได้กำหนดนามเหล่านั้น ดังนั้น สามารถกล่าวได้ว่านามชื่อซูเราะฮฺต่าง ๆ นั้นได้ถูกเรียกตามความเหมาะสม และตามความสำคัญของเนื้อหาสาระในสมัยนั้น ประกอบกับไม่มีเหตุผลอ้างอิงแม้แต่นิดเดียวว่า การตั้งซื่อซูเราะฮฺอัล-กุรอานใหม่เป็นสิ่งต้องห้าม เช่น ซูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺ ได้ถูกตั้งชื่อนี้เนื่องจาก เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับวัวของพวกบนีอิสรอเอล ได้ถูกอธิบายไว้ในบทนี้จึงเรียกซูเราะฮฺนี้ว่า บะเกาะเราะฮฺ หมายถึงวัว ขณะที่ซูเราะฮฺบทนี้มีชื่อเรียกอย่างอื่นอีก เช่น ฟิซฏอฏุลกุรอาน (คัยมะฮฺแห่งกุรอาน) อัล ฟิรเดาซฺ (สรวงสวรรค์) หรือซินามุลกุรอาน (ขุนเขาแห่งอัล-กุรอาน) เป็นต้น การตั้งชื่อซูเราะฮฺฮัม เนื่องจากซูเราะฮฺดังกล่าวเป็นปฐมบทของคัมภีร์จึงเรียกว่า ฟาติฮะตุลกิตาบ (ปฐมบทของคัมภีร์) และยังมีนามอื่นอีก เข่น ฮัมดฺ อุมมุลกิตาบ (แม่บทแห่งคัมภีร์) ฟาติฮะตุลกุรอาน อุมมุลกุรอาน อัซซับอุลมะซานียฺ อัลวาฟียะฮฺ อัลกาฟียะฮฺ และอื่น ๆ อีกหลายชือ ซูเราะฮฺนิซาอฺ ได้ถูกเรียกว่า นิซาอฺ เนื่องจากอัล-กุรอานบทนี้ได้กล่าวอธิบายอะฮฺกามเกี่ยวกับผูหญิงโดบละเอียด จึงตั้งชื่อว่า ซูเราะฮฺนิซาอฺ ส่วนต่าง ๆ ของอัล-กุรอาน ตามริวายะฮฺของท่านศาสดา (ซ้อล ฯ) กล่าวว่าอัล-กุรอานแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดังนี้ 1. ซับอุฏิวาล หมายถึง 7 ซูเราะฮฺที่ยาวที่สุดประกอบด้วย ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ ซูเราะฮฺอาลิอิมรอน ซูเราะฮฺ อันนิซาอฺ ซูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺ ซูเราะฮฺ อัลอันอาม ซูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ และซูเราะฮฺ อัลอันฟาลร่วมกับซูเราะฮฺเตาบะฮฺ 2. มิอีน หมายถึงซูเราะฮฺต่าง ๆ ที่มีประมาณ 100 โองการประกอบด้วย ซูเราะฮฺบนีอิสรออีล ซูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟิ ซูเราะฮฺมัรยัม ซูเราะฮฺ ฏอฮา ซูเราะฮฺอัมบิยาอฺ ซูเราะฮฺฮัจญฺ และซูเราะฮฺมุอฺมินูน 3. มะซานียฺ หมายถึง ซูเราะฮฺต่าง ๆ หลังจากมิอีน และมีโองการน้อยกว่า 100 โองการ (การให้ความหมายเช่นนี้มีควาขัดแย้งกัน) 4. มุฟัซซัล หมายถึงซูเราะฮฺทีมี ฮามีม และรวมไปถึงซูเราะฮฺเล็ก ๆ การให้ความหมายเช่นนี้มีความขัดแย้งกัน ปรัชญาของการแบ่งอัล-กุรอานเป็นซูเราะฮฺต่าง ๆ นักวิชาการฝ่ายอุลูมอัลกุรอานกล่าวว่า การแบ่งอัล-กุรอานเป็นซูเราะฮฺต่าง ๆ มีประโยชน์มากมายแฝงอยู่ กล่าวคือ - มาตรฐานความมหัศจรรย์อัล-กุรอานคือ 1 ซูเราะฮฺ เช่น ซูเราะฮฺเกาซัร และซูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺ ซึ่งทั้งสองซูเราะฮฺถือว่าเป็น 2 ความมหัศจรรย์ - ง่ายและสะดวกในการท่องจำ - ง่ายต่อการสอนเด็ก ๆ ให้เรียนรู้อัล-กุรอาน - การจัดระเบียบซูเราะฮฺของอัล-กุรอานได้กลายเป็นแบบอย่างในการจัดทำหนังสืออื่น ๆ - การจัดแบ่งอัล-กุรอานเป็นซูเราะฮฺให้ผู้อ่านไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ฺประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งชื่อซูเราะฮฺ การตั้งชื่อซูเราะฮฺต่าง ๆ ทำให้มองเห็นองค์สำคัญดังต่อไปนี้ 1. นามต่าง ๆ ทีเป็นธรรมชาติ เช่น อันตีน (ผลมะเดื่อ) อัชชัมซิ (ดวงตะวัน) 2. นามต่าง ๆ ที่เป็นชื่อของกาลเวลา เช่น ลัยนฺ (กลางคืน) อัฎฎุฮา (ตอนสาย) วัลอัซรฺ อัลญุมอะฮฺ เป็นต้น 3. นามต่าง ๆ ที่เป็นชื่อสัตว์ เช่น อัล-บะเกาะเราะฮฺ (วัว) อัลนะฮฺลิ (ผึ้ง) อันนัมลิ (มด) 4. นามต่าง ๆ ที่เป็นขื่อคนและบรรดาศาสดา เช่น อันนาซ (ประชาชน) มุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) อิบรอฮีม (อ.) 5. นามต่าง ๆ ที่เป็นชื่อกิยามะฮฺ เช่น อัลกอริอะฮฺ (การตอก ทุบ) อัลวากิอะฮฺ อัดดุคอน อัลฮากเกาะฮฺ 6. นามต่าง ๆ ที่เป็นชื่อสถานที่ เช่น อัรรูม อัลบะลัด 7. นามต่าง ๆ ที่เป็นพระนามและเป็นซิฟัตของพระผู้เป็นเจ้า เช่น ฟาฏิร นูร เราะฮฺมาน มุลกฺ 8. นามต่าง ๆ ที่เป็นซิฟัตของอัล-กุรอาน เช่น ฟุรกอน ฟุซซิลัต 9. นามต่าง ๆ ที่เป็นอุซูลุดดีน และฟุรุอุดดีน เช่น เตาฮีด (อิคลาซ) ฮัจญฺ ซัจญฺดะฮฺ 10. นามต่าง ๆ ที่เรื่องราวเกี่ยวกับจริยธรรม เช่น อัตเตาบะฮฺ อัชชูรอ 11. นามต่าง ๆ ที่เป็นอักษรย่อ เช่น ซ็อด นูน ก๊อฟ และอื่น ๆ 4. ข้อมูลเกี่ยวกับอัล-กุรอาน โองการแรกที่ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือ 5 โองการแรกจากซูเราะฮฺ อัลอะลัก โองการสุดท้ายที่ถูกประทานลงมาแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือโองการที่ 281 ซูเราะฮฺ อัล บะเกาะเราะฮฺ وَاتَّقُواْ يَوْمًا تُرْجَعُونَ فِيهِ إِلَى اللّهِ ثُمَّ تُوَفَّى كُلُّ نَفْسٍ مَّا كَسَبَتْ وَهُمْ لاَ يُظْلَمُونَ และพวกเจ้าจงยำเกรงวันหนึ่ง ซึ่งพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปยังอัลลอฮฺในวันนั้น แต่ละชีวิตจะถูกตอบแทนโดยครบถ้วนตามที่ชีวิตนั้นได้แสวงหาไว้ และพวกเขาจะไดไม่ถูกอธรรม เมื่อโองการข้างต้นได้ถูกประทานลงมา ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวว่า ให้นำไปบันทึกในซูเราะฮฺ อัล บะเกาะเราะฮฺ หลังจากนั้นสองสามวันท่านก็ได้อำลาจากโลกไป อัล-กุรอาน ซูเราะฮฺแรกที่ถูกประทานให้ท่านศาสดา (ซ้อล ฯ) คือ ซูเราะฮฺ อัลอะลัก อัล-กุรอาน ซูเราะฮฺสมบูรณ์ที่ถูกประทานให้ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) เป็น ซูเราะฮฺสุดท้ายคือ ซูเราะฮฺ อัลนัซรฺ วันที่อัล-กุรอานเริ่มประทานลงมาเป็นครั้งแรกแก่ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) คือ ลัยละตุลก็อดรฺ (ค่ำคืนแห่งอานุภาพ) ซึ่งอาจเป็นค่ำที่ 23 ของเดือนเราะมะฎอน นักวิชาการบางท่านมีความเชื่อเรื่อง การประทานอัล-กุรอานทั้งดัฟอียฺ (ลงมาในคราวเดียวกันทั้งหมด) และตัดรีญียฺ (ทยอยลงมาตลอด 23 ปี) จำนวนอักษรที่ถูกใช้ในอัล-กุรอาน 321250 ตัว จำนวนคำที่ถูกใช้ในอัล-กุรอาน 77437 คำ จำนวนโองการที่มีในอัล-กุรอาน 6236 โองการ จำนวนซูเราะฮฺที่มีในอัล กุรอาน 114 ซูเราะฮฺ จำนวนฮิซบฺต่าง ๆ ที่มีในอัล กุรอาน 120 (ทุก ๆ 4 ฮิซบเท่ากับ 1 ญุซ) จำนวนญุซที่มีในอัล กุรอาน 30 ญุซ คำที่อยู่ตรงกลางอัล-กุรอานคือ ( وليتلطف) บท อัลกะฮฺฟิ โองการที่ 19 การบันทึกอัล-กุรอาน บนสื่อต่างๆ ที่จัดหาได้ในยุคสมัยนั้นได้แก่ ไม้จากต้นอินทผลัม หินอ่อนสีขาว กระดูกช่วงหัวไหล่ของอูฐ ใบไม้ หรือหญ้า หรือหนังสัตว์ บางครั้งใช้ใยไหม หรือผ้าก็มี ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ 1. การวิจัยอัล-กุรอาน ในประวัติศาสตร์ ซัยยิดมุฮัมมัดบากิร ฮุจญฺตีย์ พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ ฝ่ายวัฒนธรรมอิสลาม ปี 1375 สุริยคติ 2. อัตตัมฮีด ฟีอุลูมิลกุรอาน อายะตุลลอฮฺ ฮาดียฺ มะอฺริฟัต (7 เล่ม) (ภาษาอาหรับ) 3. ตารีค อุลูมิลกุรอาน อบุลฟัฎล์ มีรมุฮัมมะดียฺ (ภาษาอาหรับ) 4. อัลบัยยาน ฟี ตัฟซีริลกุรอาน อายะตุลลอฮฺ คูอีย์ (ภาษาอาหรับ) 5. อุลูมกุรอาน ซัยยิดมฮัมมัดบากิร ฮะกีม (ภาษาอาหรับ)