วิทยปัญญา
วิทยปัญญา
0 Vote
219 View
วิทยปัญญา
ท่านอิมามอะลี (อ.) นับได้ว่าเป็นผู้มีวิทยปัญญาลำ้เลิศที่สุดคนหนึ่ง ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวยกย่องท่านว่า "ฉันคือนครแห่งความรู้ อะลีคือประตูของมัน" ดังนั้น คำพูดของท่านอิมามจึงเปรียบเสมือนประทีปนำทาง ที่นำไปสู่แสงสว่างและความผาสุกเสมอ อวิชชาและความโง่เขลา 1. คนโง่ คือ ก้อนหิน ซึ่งไม่มีน้ำไหลออกมาจากมัน คือต้นไม้ซึ่งกิ่งก้านสาขาของมันไม่เคยเขียวชอุ่ม คือดินซึ่งเมื่อปลูกพืชพันธุ์แต่ไม่เคยผุดหน่อออกช่อมาให้เห็นเลย 2. ความโง่เขลาเป็นศัตรูที่น่ารังเกียจที่สุดของท่าน 3. ความโง่เขลาทำอันตรายแก่มนุษย์มากกว่ามะเร็งในร่างกาย 4. คนโง่เขลามองไม่เห็นความผิดพลาดต่าง ๆ ของเขาเอง และดูถูกรังเกียจคำแนะนำ 5. ความโง่ เป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะเยียวยาได้ เป็นโรคร้ายหนึ่งซึ่งไม่สามารถจะเยียวยารักษาได้ 6. คนที่โง่ที่สุดคือบุคคลผู้ซึ่งเชื่อว่าตัวเขาเองเป็นผู้ที่เฉลียวฉลาดที่สุด 7. หนึ่งจากเครื่องหมายต่าง ๆ ของคนโง่คือ การเปลี่ยนความคิดเป็นประจำ 8. คนโง่คือผู้ที่กระทำตรงข้ามกับคนฉลาด การควบคุมตนเอง 1. คนที่แข็งแรงที่สุดก็คือ คนที่สามารถต่อสู้กับตัวของเขาเองได้ 2. คนที่แข็งแรงที่สุดก็คือ คนที่สามารถทำให้เหตุผลของเขาพิชิตราคะจริตของเขาได้ 3. การปล่อยให้เหตุผล ถูกครอบงำอยู่ด้วยกับราคะตัณหาของท่านแล้ว ก็เท่ากับว่าท่านได้สวมใส่ความน่ารังเกียจให้กับตัวของท่านเอง 4. ผู้ใดยอมจำนนต่อตัณหาราคะของเขา ก็เท่ากับเป็นการทุบทำลายเหตุผลของเขา 5. จงระมัดระวังราคะหนึ่ง ที่มันมีพลังอันแก่กล้าในเรื่องของสตรีเพศ และจงอย่าหิวกระหายในความรื่นรมย์ ในกรณีแรกนั้น ท่านจะต้องถูกทดสอบด้วยกับเคราะห์กรรม และในประการที่สอง จะต้องถูกชิงชังและได้รับความต่ำต้อย 6. ความหวานชื่นของความรื่นรมย์หรรษานั้น ย่อมไม่คุ้มกันกับความทุกข์ยากที่ขมขื่น 7. ผู้ใดก็ตามที่ถวิลหาเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูง ๆ ก็ต้องบำราบราคะของเขาเอาไว้ การบริจาคทาน 1. การบริจาคทาน คือ ยาบำบัดโรคร้าย 2. เมื่อท่านเลี้ยงอาหารคนจน ก็จงเลี้ยงพวกเขาให้ดีเถิด 3. ผู้ศรัทธาคนหนึ่งย่อมไม่กินเสียจนอิ่มแปล้ ในขณะที่พี่น้องของเขายังหิวโหยอยู่ 4. เขาผู้ซึ่งบริโภคเพียงน้อยนิด ย่อมมีความคิดที่บริสุทธิ์สะอาดกว่า 5. ความมีสตินับเป็นทรัพย์สินสมบัติของคนจน ในขณะที่ความรู้เป็นของปวงปราชญ์ 6. ความมีสติทำให้เพิ่มพูน 7. การบริจาคเพียงเล็กน้อยไปในหนทางของพระเจ้า ย่อมจะนำผลตอบแทนอันยิ่งใหญ่มาให้กับท่าน 8. ยับยั้งเสียก่อนดีกว่าที่จะไปเสียใจในภายหลัง 9. หากท่านประสงค์ที่จะวิงวอนขอพรต่อพระผู้อภิบาล เพื่อหนทางแห่งปัจจัยที่ดีกว่า ก็จงบริจาคบางสิ่งไปในทางการกุศลเสียก่อน 10. จงอย่าได้ละอายกับจำนวนเงินที่ได้บริจาคไปเพียงน้อยนิด เพราะการปล่อยให้คนยากจนขัดสนต้องกลับไปมือเปล่า ๆ นับเป็นความอับอายที่ยิ่งใหญ่เสียกว่า 11. ทุกครั้งที่เจ้าขัดสนอย่างที่สุด จงทำการค้ากับอัลลอฮฺด้วยการบริจาค การให้ 1. ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพระผู้เป็นเจ้านั้น มิได้หมายถึงการยกเลิกวิทยญาณของพระองค์ จากความจริงเช่นนี้ย่อมหมายความว่าพระองค์ จะไม่ทรงอนุมัติให้กับทุก ๆ การวอนขอ 2. บุคคลใดก็ตามที่เป็นผู้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้าจะถูกเรียกร้องจากทั่วทุกด้าน ถ้าเขาแจกจ่าย สิ่งที่เขาได้รับความโปรดปรานมาให้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า 3. ความสุขของเขาก็จะยั่งยืนตลอดกาลนาน หากเขาไม่ปฏิบัติเช่นนั้น มันก็จะอยู่กับเขาเป็นการคร่าวๆ 4. จงอย่าอายที่จะต้องให้เพียงน้อยนิด เพราะการให้อย่างหลอกลวงก็เหมือนกับการให้เพียงน้อยนิดส่วนของความใจกว้างที่ดีกว่าคือ การรีบให้ไปอย่างเร็ว 5. จงให้แก่คนยากจนก่อนที่เขาจะขอ เพราะหากท่านทอดทิ้งเขาไว้ให้ขัดสนจนต้องยื่นมือขอเมื่อใด ก็เท่ากับท่านได้ดึงเอาการเคารพตัวเองของเขาออกไป ซึ่งมีค่ามากกว่าที่ท่านได้บริจาคไป 6. จงอย่าไปผลัดวันจนถึงพรุ่งนี้ ในสิ่งนั้นที่ท่านจะให้แก่คน ๆ หนึ่งซึ่งเขาต้องการ เพราะท่านไม่รู้ว่าอะไรในวันพรุ่งนี้ที่ได้รอคอยตัวท่านและตัวเขาอยู่แล้ว 7. สองสิ่งนี้เป็นของคนผู้โอบอ้อมอารีที่ใจกว้าง นั้นคือ การบริจาคทรัพย์สินของเขาไปและการพิทักษ์ปกป้องเกียรติของตน 8. ความใจกว้างประการสุดท้ายคือ การลืมข้อกล่าวหาที่ท่านได้กระทำต่อบุคคลอื่น และการจดจำถึงสิทธิที่บุคคลอื่นมีเหนือตัวท่าน 9. มนุษย์มีสองจำพวกคือ คนใจกว้างที่ไม่ร่ำรวย และคนร่ำรวยที่ไม่ให้สิ่งใด 10. ความร่าเริงแจ่มใส ย่อมประดับประดา คนโอบอ้อมอารีที่มีใจกว้างขวาง 11. ความโอบอ้อมอารีที่ดีงามที่สุดคือ การยอมรับต่อข้ออ้างทั้งหลายของบุคคลอื่น ๆ ที่มีเหนือตัวเขา ว่าพวกเขาเป็นเจ้าของสิ่งนั้น ๆ 12. บุคคลผู้ที่จะไม่ยอมให้สิ่งใดเลยนั้น ย่อมสูญเสียการเคารพยกย่อง 13. คนที่ไร้ศรัทธา ย่อมไม่มีความใจกว้างโอบอ้อมอารี 14. มันจะนำความพึงพอใจที่เต็มไปด้วยความอดกลั้นมาสู่ตัวท่าน ในการที่ท่านให้เสื้อคลุมตัวหนึ่งแก่ผู้อื่น มากกว่าที่ท่านจะสวมใส่เอง 15. แจกจ่ายออกไปให้กว้างขวาง ในสิ่งที่ท่านได้มันไว้เรียบร้อยแล้ว ดีกว่าที่จะทำการสะสมสมบัติใหม่ 16. การให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัย เท่ากับเป็นการให้ที่พักพิงแก่ตัวท่านเองให้ห่างพ้นจากการลงโทษในโลกหน้า 17. การกระทำที่มีเกียรติสูงสุดคือ การรับภาระหนี้สินทั้งหลายของบุคคลอื่น ๆ และการดูแลเอาใจใส่แก่บรรดาผู้เป็นแขกของเขา การทำความดีและความเมตตาปรานี 1. จงกระตุ้นให้กระทำความดีและป้องกันการกระทำชั่วทั้งหลาย 2. การทำความดีนั้น ทำให้ผู้หนึ่งเป็นคนใช้ของตนเอง แต่ผลประโยชน์ที่ควบคู่ไปกับการเหน็บแนมย่อมไร้ค่า 3. โดยการทำความดี ท่านทำให้เสรีชนคนหนึ่ง เป็นทาสรับใช้ของท่าน 4. ท่านไม่ควรวางผู้กระทำดี และผู้กระทำชั่วไว้บนพื้นฐานเท่าเทียมกัน เพราะนั่นจะทำให้ผู้กระทำดีทอดทิ้งการทำดี และเท่ากับเป็นการส่งเสริมคนชั่วให้อยู่ในความชั่วต่อไป 5. จงอย่าตอบแทนความดีด้วยความชั่ว เพราะว่ามันจะเป็นอุปสรรคขัดขวาง การกระทำความดี 6. ผู้ใดก็ตามที่ปฏิบัติโดยการกระทำความดี จะเห็นว่าความหนาวสะท้านนั้นถูกทำให้หวานชื่น 7. ผู้ใดก็ตามที่ปรึกษาผลประโยชน์กับบุคคลที่ไม่สมควรจะปรึกษาย่อมเสียหาย 8. จงปกปิดความดีที่ท่านทำ แต่จงทำให้เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในความดีที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน