โอวาทแห่งชีวิต

ถ้อยจำนรรจ์แห่งสติ

ท่านอิมามอะลี (อ.) นับได้ว่าเป็นผู้มีวิทยปัญญาลำ้เลิศที่สุดคนหนึ่ง ท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) กล่าวยกย่องท่านว่า "ฉันคือนครแห่งความรู้ อะลีคือประตูของมัน" ดังนั้น คำพูดของท่านอิมามจึงเปรียบเสมือนประทีปนำทาง ที่นำไปสู่แสงสว่างและความผาสุกเสมอ ขันติธรรม 1. เขาชนะเพราะเรียนรู้ศิลปะในการรอคอย 2. ความอดทนอันขมขื่นย่อมเป็นผลแห่งความสำเร็จ 3. ผู้ใดที่เคาะประตูเรียกด้วยความเพียรพยายาม ย่อมจบลงด้วยกับการได้เข้าไป 4. มันขึ้นอยู่กับท่านที่จะแสดงความอดทนในยามเคราะห์กรรมและในยามหมดอาลัย 5. เวลามีอยู่สองวัน วันหนึ่งเป็นของท่าน อีกวันหนึ่งต่อต้านท่าน จงอย่าจองหองหากพบกับความสำเร็จ และจงอดทนในความทุกข์ยากแน่นอนยิ่งเคราะห์กรรมมิใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดไป มันจะต้องสิ้นสุดยุติลง ดังนั้นจงอดทนจนกว่าจุดจบของมันจะมาถึง 6. จงมองหาความอิ่มเอิบภายหลังจากความเศร้าหมอง และจงอย่าสิ้นหวังกับความรักที่มีต่อสวรรค์ 7. มันมีความดีตั้งเท่าใดแล้วที่มาถึงท่านในขณะที่ท่านไม่เคยคาดหวังถึงมันเลย 8. ความทุกข์ยากเป็นเรื่องง่ายที่จะแบกรับมันไว้สำหรับผู้ที่รู้ถึงวิธี 9. ถ้าหากท่านมิใช่เป็นผู้ที่มีความอดทนก็จะแสดงออกประหนึ่งว่าท่านเป็น มักมีอยู่บ่อยครั้งทีเดียวที่ผู้หนึ่งเลียนแบบผู้คนโดยที่ตัวเขาเองก็มิเคยพัฒนาไปเหมือนกับพวกเขา 10. การหมดความอดทนถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ก็เฉพาะเมื่อมันช่วยขจัดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อระยะการเดินทาง หรือปัดเป่ามันให้ทุเลาเบาบางลง 11. จงอดทนต่อความเศร้าโศกและวิกฤติการณ์ด้วยขันติธรรม หาไม่แล้วท่านก็จะไม่มีความสุข 12. บุคคลผู้ที่ปฏิบัติด้วยความขันติ จะไม่ต้องถูกลิดรอนไปจากความสำเร็จ ถึงแม้ความสำเร็จอาจต้องใช้เวลาอันยาวนานสักหน่อยที่จะมาถึง 13. จงแสวงหาความอดทนและการยืนหยัด เพราะความสัมพันธ์ของมันที่มีต่อการศรัทธาที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นเดียวกับศีรษะที่มีต่อร่างกายซึ่งร่างกายย่อมไม่มีประโยชน์อันใดถ้าปราศจากศีรษะ ในทำนองเดียวกันศรัทธาที่แท้จริงย่อมหาประโยชน์อันใดมิได้ถ้าหากปราศจากคุณสมบัติของการยอมตนการยืนหยัดและความอดทน 14. ถ้าเจ้าไม่มีความอดทนจงทำตัวเยี่ยงผู้อดทน 15. ความอดทนอดกลั้นคือตัวปิดปากความโง่เขลาและความไม่อดทน 16. ความอดทนคือความกล้าหาญ 17. ความอดทนอดกลั้น (ความทุกข์โศก) คือสิ่งปิดบังความชั่วร้าย  ความกตัญญูรู้คุณ 1. จงแสดงการขอบคุณ ต่อผู้มีพระคุณของท่าน และจงหยิบยื่นผลประโยชน์ให้กับผู้ใดก็ตามที่เขามีบุญคุณต่อท่าน 2. จงมองดูด้วยความตั้งใจในปมด้อยของท่านอยู่เนือง ๆ เพราะมันเป็นหนทางหนึ่งของการแสดงออก ซึ่งการขอบคุณต่อพระองค์คือผู้ทรงสูงส่ง  ชีวิต 1. ท่านจะปิติชื่นชมในชีวิต ซึ่งกำลังหดสั้นเข้าทุก ๆ โมงยามได้อย่างไร 2. โอ้ ! ชั่วโมงทั้งหลายรีบเร่งเปลี่ยนไปเป็นวัน วันทั้งหลายไปสู่เดือนทั้งหลาย เดือนทั้งหลายไปสู่ปีทั้งหลาย และเวลาที่เปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านั้นเข้าไปสู่การทำลายล้างของชีวิตได้อย่างไร 3. บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน ผู้ซึ่งเคยมีชีวิตยาวนานกว่า บุคคลเหล่านั้นไปอยู่เสียที่ไหน ผู้ซึ่งได้ละทิ้งอนุสรณ์สถานที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้ ได้ก่อสร้างอาคารป้อมปราการ ได้เคยจัดองค์กรและได้ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง ไหนเล่าบรรดาผู้สั่งสมเหล่านั้น ไหนเล่าผู้วางแผนการเหล่านั้น กิสรออยู่ไหน ซีซาร์, ตุบบะอฺ และฮิมยัร อยู่ไหนเล่า 4. ความรุ่งโรจน์ทั่วทั้งโลก ไม่อาจจะถูกทำลายได้โดยความเสื่อมลงของโมงยาม 5. ความหวานชื่นแห่งชีวิตนี้อยู่ที่การแจกจ่ายให้ไปด้วยระเบียบวินัย 6. ความพึงพอใจแห่งชีวิตนี้เปรียบประดุจดั่งเงาของเธอเอง หากเธอหยุดมันก็หยุด หากพยายามที่จะล้ำหน้ามันไว้ มันก็จะเคลื่อนห่างออกไป 7. เรื่องราวของชีวิตอันยาวนานคือโรคภัยและความแก่ชราอ่อนแอลง 8. ผู้ใดมีชีวิตยาวนาน จะต้องครำครวญให้แก่มิตรสหายของเขา 9. ชีวิตคือศัตรูที่เธอมิได้ก้าวร้าว ซึ่งเธอมิได้กดขี่ แต่มันกดขี่เธอ ซึ่งเธอไม่เคยโจมตีมัน แต่มันโจมตีเธอ 10. ชีวิต คือ ยาพิษที่บุคคลซึมซับเข้าไว้ หากผู้นั้นไม่รู้จักว่ามันคือยาพิษชนิดหนึ่ง 11. ผู้ใดก็ตาม ที่ยึดติดอย่างเหนียวแน่นอยู่กับชีวิตของเขาเอง ก็ย่อมจะเปิดตัวของเขาให้กลายเป็นเป้าของความโชคร้าย และความผันผวนแห่งชะตากรรม 12. ความบกพร่องสามประการที่ทำให้ชีวิตไม่อาจลงรอยกันได้ ความพยาบาทอาฆาตแค้น ความอิจฉาริษยา และอุปนิสัยที่ชั่วร้าย 13. ในความผันผวนของชีวิตเท่านั้น ที่บุคคลจะตัดสินคุณค่าของมนุษย์คนอื่นได้ 14. ชีวิตนี้และชีวิตโลกหน้าเปรียบเสมือนคนที่มีภรรยาสองคน ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งได้รับความพึงพอใจนั้น ย่อมหมายถึงความทุกข์ระทมของอีกฝ่ายหนึ่ง 15. วันเหล่านั้นของท่านซึ่งหมดไปแล้วย่อมผ่านเป็นอดีต วันเหล่านั้นซึ่งกำลังคืบคลานมายังสงสัยอยู่ เพราะฉะนั้นจงทำการงาน ในขณะที่ยังคงมีเวลาอยู่ 16. ความหยิ่งผยองที่มีต่อการครอบครอบทรัพย์สมบัติ อันเป็นสิ่งที่ไม่จีรัง ก่อกำเนิดมาจากความโง่เขลาเบาปัญญา 17. จงคิดถึงการสิ้นสุดของมัน ความสุขในตัวของมันเองมีเพียงชั่วครู่ชั่วยาม และในขณะที่มีความชื่นขมยินดีอยู่กับสิ่งดีงามใด ๆ จงนึกถึงความไม่จีรังของมันอยู่เสมอ ๆ 18. ไม่มีความสุขทางโลกใด ๆ เว้นเสียแต่จะต้องติดตามมาด้วยน้ำตา 19. ที่ผ่านมาแล้วนั้นดูเสมือนว่าไม่เคยได้เกิดขึ้นมาก่อนเลย และอนาคตนั้นพร้อมแล้วที่จะเป็นไป 20. การทดสอบที่แข็งกระด้างที่สุด คือสามสิ่งเหล่านี้ นั้นคือ การแบกภาระครอบครัวอันหนักอึ้ง ความขมขื่นแห่งการเป็นหนี้สิน ความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เรื้อรังยาวนาน 21. โชคจากไปแม้เมื่อมันมา ชีวิตแตกร้าวถึงแม้เมื่อมันประสานเข้าหากันก็ตาม 22. เมื่อโชคหยิบยื่นแก่เธอ มันให้เธอได้รับคุณสมบัติต่าง ๆ ของผู้อื่น และเมื่อมันหันหลังกลับไปจากท่าน มันก็ดึงเอาของ ๆ ท่านไป 23. หนึ่งในเครื่องหมายทั้งหลายของความโชคร้ายนั่นคือ การที่ต้องมีเพื่อนเลวจากคนต่ำทราม มนุษย์ 1. มนุษย์เป็นสิ่งประหลาดมหัศจรรย์เสียเหลือเกิน ! เขามองเห็นได้ด้วยกับการช่วยเหลือของวัตถุทึบหนักแน่นหนาจำนวนมากมาย เขาพูดได้ด้วยกับการช่วยเหลือของเนื้อนิ่ม เขาได้ยินได้ด้วยกับการช่วยเหลือของชิ้นส่วนต่าง ๆ ของกระดูก และเขาหายใจเข้าออกได้ด้วยกับการช่วยเหลือของคอหอย 2. ลูกหลานของอาดัมช่างขัดสนข้นแค้นเสียนี่กระไร เขาไม่รู้ช่วงแห่งวันทั้งหลายของเขา ไม่เข้าใจความเจ็บไข้ได้ป่วยของเขา การกัดต่อยของตัวเห็บก็จะทำให้เขาเจ็บปวดทรมานได้ เขาดมกลิ่นสาปเหงื่อไคล และไอจนถึงตาย 3. โอ้ ลูกหลานของอาดัมจะบังอาจคุยโม้ได้อย่างไร ผู้ซึ่งเริ่มในฐานะเชื้ออสุจิและจบลงในฐานะซากศพ ผู้ที่ไม่สามารถชุบเลี้ยงตัวเองได้และไม่อาจหนีความตายได้ 4. ทุก ๆ วันทูตแห่งสวรรค์องค์หนึ่งร้องตะโกน...โอ ้มนุษย์ ผู้อยู่เบื้องล่างนั้น ผลิตลูกหลานออกมาเพื่อตาย ก่อสร้างขึ้นมาเพื่อถูกทำลาย พวกท่านรวมตัวกันเพื่อการจำพราก ! 5. มนุษย์ ประดุจดังมวลไม้ต่าง ๆ แม้ว่าน้ำที่รดราดลงไปจะเป็นน้ำอย่างเดียวกัน แต่ผลที่ออกมาไม่เหมือนกัน 6. มวลมนุษย์กำลังหลับใหล พวกเขาจะตื่นเมื่อพวกเขาตาย 7. โอ้ มนุษย์จะยโสไปเพื่อการใดเมื่อจุดเริ่มต้นของเจ้าคืออสุจิ และบั้นปลายคือซากศพที่เน่าเหม็น  ญาติพี่น้อง 1. บ่อย ๆ ที่พบว่า ญาติพี่น้องของท่านอยู่ห่างไกลจากท่านมากกว่าคนแปลกหน้าทั้งหลาย 2. จงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อญาติพี่น้องของท่าน จงให้เกียรติเขาถ้าหากเขาเป็นคนฉลาด ให้เขาลำบากบ้าง ถ้าเขาเป็นคนโง่ จงช่วยเหลือเขาถ้าเขายากจน เพราะเขาอาจจะพิสูจน์ให้เห็นถึงการสนับสนุนท่านอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดทั้งในยามสุขสบายและยามทุกข์ยากของท่าน 3. ความเกลียดชังกันในหมู่ญาติพี่น้องนั้น ย่อมเห็นสาเหตุแห่งความเศร้าโศก มากเสียยิ่งกว่าการถูกแมงป่องต่อยเอาเสียอีก ความกล้าหาญชาญชัยและความขลาดกลัว 1. ความกล้าหาญเยี่ยงชายชาตรี ก็คือ ถ้อยคำทั่ว ๆ ไปที่มันห้อมล้อมคุณสมบัติอื่น ๆ ไว้ทั้งหมด 2. การบริจาคทานของความกล้าหาญก็คือ การทำสงครามศาสนา 3. แน่นอนยิ่งที่จุดจบอันมีเกียรติสูงสุดของชีวิตมนุษย์คนหนึ่งก็คือ การตายในสนามแห่งเกียรติยศ ฉันขอสาบานต่อพระองค์ผู้ทรงเก็บรักษาดวงวิญญาณของฉัน ดังว่าฉันปรารถนาที่จะถูกดาบฟันสักพันครั้ง มากกว่าที่จะต้องนอนตายบนเตียงนอนของฉันเอง 4. ถ้าหากท่านมีความสามารถที่จะพินิจพิเคราะห์ได้ ท่านก็จะเห็นได้เป็นที่แน่นอนว่าความกล้าหาญและสัจธรรมจะอยู่เคียงคู่กันเสมอ และความเท็จก็จะอยู่กับความขี้ขลาด 5. ความกล้าหาญคือ เกียรติอันรุ่งโรจน์และความขี้ขลาดเป็นความตกต่ำที่เห็นได้ชัด 6. จงมีความละอายที่จะผละหนีจากวันทำศึก มันจะทำให้ผู้สืบตระกูลของท่านต้องคำสาปแห่งความอัปยศ และนรกจะเป็นของท่านในวันตัดสินพิพากษา 7. การหลบหนีอย่างเสียขวัญก็คือ การสวมเสื้ออันอัปยศให้กับตัวท่านเองและทำตัวของท่านให้เหมาะกับนรก 8. ขอสาบานต่ออัลลฮฺ ถ้าหากในวันนี้ท่านได้หลบหนีคมดาบของศัตรูคนหนึ่งไปได้ แต่วันพรุ่งนี้ท่านจะไม่สามารถหลบหนีการตัดสินของพระองค์ผู้ทรงสูงสุดไปได้ 9. คนขี้ขลาดย่อมไม่มีความสุขในชีวิต